ปราสาทตาควาย (ตากะบัย) : ปราสาทปริศนาแห่งพนมดงรัก
ปฐมบท : การค้นพบโดยบังเอิญ

ปราสาทตาควาย หรือที่บางคนเรียก “ปราสาทตากะบัย” (ตากระไบย) เป็นโบราณสถานที่ถูกซ่อนไว้ท่ามกลางป่าทึบของเทือกเขาพนมดงรักมานานหลายศตวรรษ ก่อนจะถูกค้นพบโดยบังเอิญจากนายพรานชาวบ้านแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2537

เรื่องราวของปราสาทแห่งนี้เล่าขานปากต่อปากในหมู่ชาวบ้านและทหารพราน จนกระทั่งกลุ่มนักวิชาการและนักเขียนรวมตัวกันเพื่อเดินทางสำรวจ โดยมี นายสันธนะ ประสงค์สุข จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ (ในฐานะบรรณาธิการวารสารจอมสุรินทร์), นายกฤช เหลือลมัย จากนิตยสารเมืองโบราณ, นายไชยา วรรณศรี นักเขียน รวมถึง นายอัษฏางค์ ชมดี และคณะ ได้ประสานงานกับหน่วยทหารพราน กองกำลังสุรนารี โดยมี กรมทหารพรานที่ 26 ซึ่งดูแลพื้นที่ในขณะนั้น โดย พันตรีสุวัฒน์ วงศ์วาท เป็นผู้บังคับบัญชาฐานที่มั่นใกล้เคียง
ประจักษ์ต่อสายตา : ปราสาทที่ถูกป่าครอบคลุม
นายพรานผู้ค้นพบปราสาทเป็นผู้ชำนาญเส้นทางป่าเขาแถบชายแดน แต่กลับไม่ทราบถึงความสำคัญของสิ่งที่พบ เนื่องจากปราสาทถูกปกคลุมด้วยป่ารกชัฏ เถาวัลย์พันแน่น และยอดไม้สูงบดบังจนมองไม่เห็นจากระยะไกล แม้แต่ภาพถ่ายทางอากาศก็ไม่อาจจับต้องได้
เมื่อคณะสำรวจเดินทางถึงบ้านแนงมุดเพื่อตามหานายพรานผู้นั้น แต่ไม่พบตัว จึงมุ่งตรงไปยังฐานปฏิบัติการ “ป้อมปูน” ของทหารพราน ซึ่งอยู่ห่างจากปราสาทประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางเดินเป็นป่าทึบ เต็มไปด้วยโขดหินและลำธาร ทหารพรานเป็นผู้ดูแลพื้นที่และคอยตัดแต่งพืชพันธุ์เพื่อให้ปราสาทอยู่ในสภาพที่พอสำรวจได้

ลักษณะทางสถาปัตยกรรม : ปราสาทหินศิลปะเขมร
ปราสาทตาควายมีลักษณะคล้ายปราสาทหินแบบนครวัด คาดว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 หรือประมาณปี พ.ศ. 1650 มีรูปแบบใกล้เคียงกับ ปราสาทพิมาย แต่ไม่มีลวดลายประดับมากนัก ตัวปราสาทสร้างจากหินทราย ย่อมุมแบบไม้สิบสอง ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ แม้ดูคล้ายยังสร้างไม่เสร็จ
นายกฤช เหลือลมัย ให้ความเห็นว่า “ลักษณะการก่อสร้างวางแผ่นหินซ้อนกันอย่างแน่นหนาและมั่นคง แสดงถึงฝีมือช่างยุคโบราณที่ชำนาญ ยอดปราสาทยังอยู่ครบ แม้เวลาจะผ่านมาร่วมพันปี”
ปริศนาและข้อสันนิษฐาน
บริเวณรอบปราสาทพบแผ่นหินขนาดใหญ่เรียงราย หลุมคล้ายครกตำข้าวโบราณ และร่องรอยการชักรอกหินขึ้นไปก่อสร้าง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ไม่มีแหล่งน้ำใกล้เคียง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ


ชื่อ “ปราสาทตาควาย” มีที่มาหลายความเชื่อ บ้างว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “ตาวาย” (อาจหมายถึงทางผ่านหรือจุดพัก) บ้างก็เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับ การค้าขายควาย ในอดีต เนื่องจากพื้นที่แถบนี้เคยเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญของชาวเขมรและไทย ก่อนจะถูกแบ่งเขตแดนในยุคหลัง
จากอดีตสู่ปัจจุบัน : ข้อพิพาทชายแดน
เมื่อกว่า 20 ปีก่อน ปราสาทตาควายยังอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร เข้าถึงได้เพียงเส้นทางลูกรังจาก หมู่บ้านไทยนิยมพัฒนาและหมู่บ้านอุโลก เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาถนนหนทางและบูรณะปราสาท จนกลายเป็น แหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่พิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา
ในอดีต ชาวกัมพูชาไม่เคยแสดงสิทธิ์เหนือปราสาทแห่งนี้ แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนแปลง ผู้นำกัมพูชากลับอ้างกรรมสิทธิ์ว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตน ทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ
คำถามที่ยังไร้คำตอบ
ความเป็นมาที่แท้จริงของปราสาทตาควายยังคงคลุมเครือ ใครคือผู้สร้าง? ทำไมจึงถูกทิ้งร้าง? และพื้นที่นี้ควรเป็นของชาติใด? คำตอบอาจอยู่ในมือของ นักประวัติศาสตร์, กรมศิลปากร, และผู้มีอำนาจตัดสินใจ เท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปราสาทตาควายยังคงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ท้าทายกาลเวลา และเป็นความลึกลับที่รอการไขกระจ่างจากคนรุ่นหลังสืบไป…
Share this content:


