สืบจากอักษร: ปราสาทตาเมือนธม หลักฐานชัดเจนว่าใช้อักษรปัลลวะ ไม่ใช่ “เขมร”
กลางขุนเขาพนมดงรักอันขรึมขลัง ในตำบลตาเมียง จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย ปราสาทหินโบราณ “ตาเมือนธม” ยืนหยัดท้าทายกาลเวลา มากกว่าความงามทางสถาปัตยกรรม ปราสาทแห่งนี้คือ กุญแจสำคัญไขปริศนาประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตบนผืนหินธรรมชาติ สะท้อนแผนผังเชิงยุทธศาสตร์ที่บ่งบอกถึงความสำคัญยิ่งในอดีต ไม่เพียงในฐานะศูนย์กลางศาสนา แต่ยังเป็นจุดควบคุมเส้นทางคมนาคมยุทธศาสตร์ระหว่างที่ราบสูงอีสานและชายฝั่งทะเลในภูมิภาคอุษาคเนย์

สิ่งที่ทำให้ตาเมือนธมโดดเด่นและเป็นพยานหลักฐานอันแข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่เพียงซากปรักหักพัง แต่คือ “จารึก” บนแท่งหินทราย จารึกนี้เองที่เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนถึงต้นกำเนิดทางวัฒนธรรมของปราสาทแห่งนี้:
- ภาษา: ใช้ ภาษาสันสกฤต ภาษาคลาสสิกแห่งคัมภีร์และพิธีกรรมในอนุทวีปอินเดีย
- อักษร: ใช้อักษร “หลังปัลลวะ” (Post-Pallava) ซึ่งเป็นอักษรที่พัฒนามาจาก อักษรปัลลวะ ของอินเดียใต้ อักษรชนิดนี้แพร่หลายเข้าสู่คาบสมุทรอินโดจีนพร้อมๆ กับคติความเชื่อและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
- จุดสำคัญ: ไม่มีร่องรอยใดๆ ของอักษรหรือภาษาที่เรียกว่า “ขอม” หรือ “เขมรโบราณ” ปรากฏอยู่บนจารึกนี้เลย
แม้เนื้อหาบางส่วนจะชำรุด แต่ใจความสำคัญที่ยังอ่านได้ชัดเจนคือ:
“พึงให้ผู้ใดผู้หนึ่งทำงานที่เกี่ยวข้องกับเทพ ด้วยความภักดีในพระศิวะ…”
“ท่านทั้งหลายพึงถึงพระศิวะ โดยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเทพเจ้า… ตามกรรมที่ได้กระทำแล้ว”

ข้อความนี้เปิดเผยความจริงที่ชัดเจน: ปราสาทตาเมือนธมคือศาสนสถานในลัทธิ “ไศวนิกาย” ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยมี พระศิวะ เป็นเทพเจ้าสูงสุดที่ได้รับการบูชา ไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับพุทธศาสนามหายาน ที่รุ่งเรืองในยุคอาณาจักรเจนละหรือจักรวรรดิขอมในเวลาต่อมา ดังนั้น ผู้สร้างและผู้ใช้สอยปราสาทแห่งนี้ในยุคเริ่มแรก ย่อมไม่ใช่กลุ่มชนที่เรียกว่า “เขมร” ในความหมายปัจจุบัน

ความสำคัญยิ่งอยู่ที่ อักษรหลังปัลลวะ การใช้อักษรที่มาจากอินเดียใต้นี้คือ หลักฐานโบราณคดีโดยตรง ที่บ่งชี้ว่าผู้สร้างปราสาทตาเมือนธมมีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมโดยตรงกับโลกอินเดียใต้ หรืออย่างน้อยก็รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมผ่านเส้นทางทะเลหรือการติดต่อโดยตรงจากแหล่งกำเนิดในอินเดีย ไม่ใช่รับผ่านหรือมาจากกลุ่มเขมรทางตะวันออก

แม้จะมีวาทกรรมบางฝ่ายพยายามเชื่อมโยงมรดกทางวัฒนธรรมทั้งหมดในภูมิภาคนี้ให้กลายเป็น “มรดกของเขมร” ด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือการสร้างชาติประวัติศาสตร์ แต่อดีตที่จารึกไว้ในหินกลับเล่าความจริงที่ต่างออกไป:
- ประวัติศาสตร์ถูกจารึกไว้บนหิน ไม่ใช่ในคำพูดของนักการเมือง
- ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บน แผ่นดินไทย
- จารึกด้วย ภาษาสันสกฤต จากอนุทวีปอินเดีย
- ใช้ อักษรหลังปัลลวะ จากอินเดียใต้
- กล่าวถึง เทพเจ้าแห่งไศวนิกาย ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูที่เผยแผ่มาจากอินเดีย
- ไม่มีข้อความใดในจารึกเอ่ยถึง “ขอม” หรือ “เขมร”
- ไม่มีหลักฐานโบราณคดีหรือเอกสารร่วมสมัยชิ้นใด ที่พิสูจน์ว่าอาณาจักรเจนละหรือเขมรเคยปกครองพื้นที่นี้อย่างเป็นระบบในช่วงเวลาที่ปราสาทนี้ถูกสร้างและใช้สอยในยุคแรกเริ่ม
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารปะปนกับวาทกรรมบิดเบือน ตาเมือนธมจึงไม่เพียงเป็นโบราณสถาน แต่ยังเป็น “สมรภูมิทางประวัติศาสตร์” ที่ความจริงทางวิชาการต้องถูกปกป้องจากความพยายามสร้างความชอบธรรมให้กับข้ออ้างทางประวัติศาสตร์ที่ปราศจากหลักฐาน การเข้าใจที่มาของภาษา อักษร และบทบาทของศาสนาอย่างถ่องแท้ คืออาวุธสำคัญ

สรุปข้อเท็จจริงทางโบราณคดีที่ไม่อาจปฏิเสธ:
- สถานที่: ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
- อายุการสร้าง: ราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 (คริสต์ศตวรรษที่ 8-9)
- จารึกหลัก: ภาษาสันสกฤต
- อักษรจารึก: อักษรหลังปัลลวะ (Post-Pallava Script)
- ศาสนา/ลัทธิ: ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย (บูชาพระศิวะ)
หลักฐานจากจารึกที่ตาเมือนธมยืนยันชัดเจนว่า ปราสาทแห่งนี้คือ มรดกอันล้ำค่าของอารยธรรมอินเดียที่หยั่งรากลึกบนแผ่นดินไทย เป็นประจักษ์พยานถึงเครือข่ายทางวัฒนธรรมและการค้าโบราณที่เชื่อมโยงอนุทวีปอินเดียกับดินแดนภายในสุวรรณภูมิโดยตรง ความเป็นมาอันแท้จริงของมันถูกจารึกไว้ด้วยอักษรปัลลวะบนหินทราย มิใช่ด้วยคำอ้างของผู้แอบอ้างในยุคหลัง










อ้างอิงจาก:
- https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=30240600075584203&id=100001828240968
- https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/306 (ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร)
Share this content: