Contract Farming — ระเบิดเวลาที่เริ่มนับถอยหลังของกัมพูชา 🇰🇭
หลายคนอาจเคยได้ยินระบบ “เกษตรพันธสัญญา” หรือ Contract Farming ซึ่งดูเหมือนเป็นข้อตกลงที่ให้ความมั่นใจทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการ
แต่สำหรับกัมพูชา ระบบนี้กลับกลายเป็นโครงสร้างที่เปราะบาง และกำลังจะเผชิญกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่

ความจริงแล้ว กัมพูชาถือเป็น “คู่ค้าและคู่แบ่ง” ที่สำคัญของไทยมาช้านาน
ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกสินค้าเกษตรสดหน้าด่าน หรือการเป็นแหล่งแรงงานหลักในภาคเกษตรของไทย
ความสัมพันธ์นี้สร้างรายได้และความอยู่รอดให้คนทั้งสองฝ่าย
แต่ตอนนี้… สมดุลกำลังสั่นคลอน
📉 ไตรมาส 4 ปี 2025 เป็นต้นไป: วิกฤตที่รออยู่
- สินค้าเกษตรหลายชนิดของกัมพูชาอาจส่งออกไม่ได้
- แรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับจากไทยมีมากถึง 9 แสนคน
ตัวเลขที่ทำให้ต้องสะดุ้ง:
👉 มีงานทำเพียง 2 แสนคน
👉 ที่เหลือ… ตกงานกว่า 7 แสนคน
คนเหล่านี้หวังจะกลับบ้าน หวังจะเริ่มใหม่ด้วยการทำเกษตรกรรม
แต่กลับพบกับตลาดที่ล้นเกิน เพราะต่างก็ปลูกพืชชนิดเดียวกัน ขายให้ตลาดเดิม




🍠 ฟักทอง – มันสำปะหลัง – ข้าวโพด
พืชเศรษฐกิจหลักที่เคยสร้างรายได้ กำลังกลายเป็น “ภูเขาสินค้าเกษตรที่ไม่มีใครรับซื้อ”
ที่น่ากลัวไม่ใช่แค่การขาดแคลนอาหาร
เพราะพวกเขายังพอมีอะไรไว้กินอยู่
แต่สิ่งที่ “กำลังจะหายไป” คือ รายได้เป็นเงินสด
และสิ่งที่ “กำลังจะเพิ่มขึ้น” คือ หนี้สินและความยากจนที่สะสมในครัวเรือน
แม้แต่สมเด็จฮุนเซน เคยกล่าวไว้ว่า “ไม่ต้องพึ่งไทย กัมพูชาก็อยู่ได้”
แต่คำถามที่ทุกคนกำลังเฝ้าถามคือ…
“อยู่ได้… แบบไหน?”
อยู่ได้เพราะไม่อดตาย
หรืออยู่ได้ในประเทศที่ “หยุดพัฒนา”
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล แต่กัมพูชาอาจถูกแช่แข็งไว้กับภาพของ “เศรษฐกิจตลาดนัด” ที่ขายของชิ้นละ 5 บาท 10 บาท
ประชากร 17 ล้านคน ที่รัฐบาลมักบอกว่า “ค้าขายกันเองก็พออยู่ได้”
กำลังจะพิสูจน์ในไม่ช้าว่า…
คำพูดนั้นเป็นความจริง หรือเป็นเพียงคำปลอบใจจากผู้นำ
กัมพูชา #ContractFarming #เศรษฐกิจกัมพูชา #แรงงานกัมพูชา #ชายแดนไทย #ข่าวต่างประเทศ #วิกฤตเกษตรกรรม #เศรษฐกิจเอเชีย

Share this content: