ตำรวจเร่งล่าตัว! แก๊งทวงหนี้เมืองช้างโหดปาระเบิดถล่มบ้าน – รถเข็นขายของลูกหนี้พังยับ

สุรินทร์ -ตำรวจ ส.ป. ศีขรภูมิเมืองช้างเร่งรีบและตรวจกล้องวงจรปิดตามล่าหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความปลอดภัยสูง 4 ชีวิตพ่อแม่ลูกในบ้านรอดตายหวุดหวิด
3 ม.ค.63 เมื่อเวลา 05.45น.ร.ต.อ.วรพงษ์ ทาเงิน ร้อยเวรสอบสวน สภ.ศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ได้รับแจ้งจาก นายเสริมศักดิ์ แซ่จึง อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 292 บ้านระแงง หมู่ที่10 ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ว่า ได้มีเหตุขวางระเบิดไม่ทราบชนิด ใส่บ้านพักและรถเข็นขายของพังเสียหายโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากได้รับแจ้งเหตุ ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุพบรถเข็นขายลูกชิ้นถูกสะเก็ดตะปูและเศษเหล็ก ได้รับความเสียหาย และประตูบานพับ หน้าบ้าน ถูกสะเก็ดระเบิดเจาะเป็นรู และสะเก็ดระเบิด ยังพุงเข้าไปถูกนาฬิกา ภายในบ้าน ซึ่งแขวนสูงจากพื้นสูงกว่า 1 เมตรครึ่ง กระจกนาฬิกาแตก เสียหาย เนื่องจากว่าถูกแรงสะเก็ดระเบิดกระเด็นใส่ ขณะที่ หลอดไฟที่อยู่ภายในร้านตกแตกจนหมดลงมากองบนพื้นถนน ระเบิดลักษณะดินระเบิดบรรจุใส่ท่อพีวีชี มีส่วนผสมด้วยตะปู หลายชิ้นด้วยกัน โชคดีที่คนในบ้านพักอาศัยด้วยกัน 4 ชีวิต พ่อ แม่ลูก ไม่ได้รับอันตราย
นายสิทธิศักดิ์ แซ่จึง บอกว่าก่อนเกิดเหตุตนเองได้ไปกู้เงินนอกระบบรายหนึ่งภายในเขตพื้นที่อำเภอศีขรภูมิ ในระหว่างที่หมุนเงินไม่ทันได้มีเขียนจดหมายมาข่มขู่ ส่งถึงร้านลูกชิ้น พร้อมกับระบุว่า

“ภายในวันที่1ถ้าผมไม่ได้3000คุณเตรียมตัวได้เลยเตือนครั้งสุดท้าย ไม่จ่ายเตรียมตัวได้เลย”
ทำให้ตนเองและครอบครัวไม่สบายใจจึงได้นำเงินที่ขายของมาเคลียร์ให้ในช่วงเย็น(2 ม.ค.63)ที่ผ่านมาจนหมดจะเพราะเกรงว่าเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบจะมาทำร้ายแต่พอรุ่งเช้ากลับนำระเบิดไม่ทราบชนิด มาโยนใส่รถเข็นขายของ และประตูหน้าบ้าน จนพังเสียหายไปหมดตนเองจึงได้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อที่จะให้นำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ด้าน นางปิยมล เล้าสุวรรณ ผู้นำชุมชนระแงง ได้ออกสำรวจความเสียหาย เป็นกำลังใจให้กับสมาชิกในชุมชน พร้อมทั้งนำเงิน กองทุนบัญชีกลางหมู่บ้านจำนวน 4,500 บาท พร้อมทั้งซ่อมรถเข็นและอุปกรณ์ประกอบอาชีพ เพราะต้องใช้รถในการประกอบอาชีพค้าขายจะได้ไม่เดือดร้อนในช่วงนี้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศีขรภูมิ ได้สอบปากคำ นายสิทธิศักดิ์ แซ่จึง ผู้เสียหายเพิ่มเติม จากว่าผู้เสียหาย ทราบดีว่า ได้ไปกู้เงินของใครมา มีการข่มขู่กันมาก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อหาตัวผู้ที่ก่อเหตุ ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งคาดว่า อีกไม่นานน่าจะทราบได้ว่าใครเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้