
เป็นข่าวมีนานพอสมควรกับเรื่องไม่ชอบมาพากลเรื่อง “สหกรณ์เกษตรอินทรีย์กองทุนข้าวสุรินทร์” หรือที่รู้จักกันดีในนามกลุ่มเกษตรอินทรีย์ที่หลวงพ่อนาน เป็นคนก่อตั้ง ซึ่งเป็นกลุ่มสหกรณ์แรก ๆ ที่มีคุณภาพในเรื่องเกษตรอินทรีย์มาก สามารถขายข้าวอินทรีย์ตีตลาดยุโรบได้ปีละหลายร้อยตัน และขายได้ในราคาตันเป็นแสน เรื่องราวเป็นมาอย่างไรถึงได้เกิดเรื่อง กับพี่น้องประชาชนสมาชิกขึ้น ติดตามกันครับ
เราได้รับทราบว่าก่อนนี้มีการกล่าวหาผู้จัดการสหกรณ์เรื่องการขึ้นเงินเดินตนเองโดยพละการ จนมีเรื่องต้องให้ สหกรณ์จังหวัดเข้ามาดูแลและชี้ขาด เหมือนเรื่องจะจบลงด้วยดีเมื่อ สหกรณ์จังหวัดชี้ว่าเป็นทำผิดตาม พรบ.สหกรณ์ รวมถึงมีคำสั่งศาลพิพากษาให้ อตีดผู้จัดการสหกรณ์ท่านนี้ชดเชยเงินคืนแก่ สหกรณ์ต่อเรื่องกรณีดังกล่าว มูลค่ารวมถึง 4 ล้านกว่าบาท

แต่วันนี้ผมมาหาชาวบ้านที่ ยุติธรรมจังหวัดเพื่อสอบถามความคืบหน้าทราบว่าเรื่องมันยังไม่จบ และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ เมื่อคณะกรรมการสหกรณ์จำนวน 6 คน และ เจ้าหน้าที่สหกรณ์ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียง 2 เดือนอีก 1 คน ถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกได้ว่าเป็นยิ่งกว่าสายฟ้าฟาดกลุ่มคนทำงานเหล่านี้

เขาเป็นชาวนาธรรมดาเป็นสมาชิก “สหกรณ์เกษตรอินทรีย์กองทุนข้าวสุรินทร์” เป็นกลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาตรวจสอบการทำงานของอดีตผู้จัดการและเจ้าหน้าที่สหกรณ์ (คุณส้มป่อย จันทร์แสง) จนพบว่าเกิดปัญหาการจ่ายเงินเดือนไม่เป็นไปตามระเบียบ จนเป็นเหตุให้สหกรณ์จังหวัดสั่งให้มีการแก้ไขข้อบกพร่อง ต่อมาอดีตผู้จัดการและพวกได้ถูกไล่ออกและไปได้ฟ้องรองสหกรณ์เพื่อขอเรียกเงินค่าชดเชยการออกจากงานเป็นเงินกว่าล้านบาท แต่ชาวบ้านไม่ยอมเลยต่อสู่คดีกันที่ศาลแรงงาน ศาลแรงงานท่านมาคำพิพากษาว่าให้อดีตผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ต้องจ่ายเงินคืนสหกรณ์เป็นเงินกว่า ๔.๕ ล้านบาท แล้วชี้ว่าอดีตผู้จัดการมีเจตนาทุจริต
วันนี้มายุติธรรมจังหวัดสุรินทร์เพื่อขอความช่วยเหลือ
วันนี้พวกเรามาขอความช่วยเหลือเพราะเราถูกอดีตผู้จัดการสหกรณ์เกษตรอินทรีย์กองทุนข้าวสุรินทร์ (คุณส้มป่อย จันทร์แสง) ฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท เขากล่าวหาว่าเราไปทำให้เขาได้รับความเสียหาย พวกเราโดนฟ้องจำนวน ๗ คน เรามีความยากลำบากมากในการต่อสู้คดีความเพราะต้องหาเงินมาจ้างทนายความและต้องหาหลักทรัพย์ค้ำประกันตัวเองถ้าหากศาลท่านรับฟ้องในคดีนี้
ซึ่งพวกเราต้องมาขอให้ยุติธรรมจังหวัดเพื่อให้มีการใช้กองทุนยุติธรรมเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันพวกเรา จึงมาขอความเห็นใจหน่วยงานรัฐวันนี้

สาเหตุที่ถูกฟ้องร้องหมิ่นประมาทและถูกหาว่าไปทำให้อดีตผู้จัดการสหกรณ์เสียหาย
เป็นเพราะพวกเราทั้งหมด ๗ คน ถูกกล่าวหาว่าไปทำให้อดีตผู้จัดการได้รับความเสียหายจากการทำเอกสารกล่าวหาว่าอดีตผู้จัดการกระทำความผิด แต่ความเป็นจริงคือพวกเราเป็นกรรมการสหกรณ์ได้ทำเอกสารเพื่อชี้แจงสมาชิกในการประชุมใหญ่ของสหกรณ์ เพื่อให้สมาชิกได้เข้าใจปัญหาแล้วเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ที่มีความเหมาะสมเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาสหกรณ์และรักษาผลประโยชน์ของสมาชิก แต่อาจมีผู้ไม่หวังดีนำเอาเอกสารของสหกรณ์ที่ใช้ในการประชุมสหกรณ์ออกไปให้อดีตผู้จัดการ เขาจึงเอาเอกสารอันนั้นไปฟ้องร้องดำเนินคดีพวกเราหาว่าพวกเราไปทำให้เขาเสียหาย ทั้งที่จริงมันเป็นการชี้แจงภายในของสหกรณ์เรา
เกิดปัญหาอะไรขึ้น ทำไมต้องไปตรวจสอบอดีตผู้จัดการสหกรณ์และพนักงาน
ปัญหามันอยู่ตรงที่พวกเราไปตรวจสอบอดีตพนักงานสหกรณ์ของเรา พอไปเจอปัญหาความไม่ถูกต้องคือมีการจ่ายเงินเดือนอดีตผู้จัดการเดือนละเป็นแสนบาท ในขณะที่สหกรณ์เราขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปีแถมพวกเราต้องเข้าไปแบกรับภาระคำประกันหนี้สินให้สหกรณ์ พวกเราก็พยายามทำหน้าที่ของเราเพื่อรักษาผลประโยชน์สหกรณ์ของเรา แต่พอเรื่องมันบานปลายไปถึงขั้นขึ้นศาล แล้วก็มีการตัดสินว่าอดีตผู้จัดการมีเจตนาส่อไปในทางไม่สุจริต พวกเรากลับต้องกลายเป็นฝ่ายต้องรับกรรมถูกฟ้องร้อง

สิ่งที่เราต้องการจะบอกอะไรกับสื่อกับสังคม
พวกเราเป็นชาวบ้านธรรมดากลัวว่าศาลท่านจะรับฟ้อง เพราะพวกเราไม่มีเงินประกันตัว แถมต้องวิ่งหาเงินค่าทนายความ จึงมาขอความช่วยเหลือจากยุติธรรมจังหวัด เผื่อทางศาลท่านต้องรับฟ้องพวกเราต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันตนเอง ก็ขอความเห็นใจชาวบ้านอย่างเราด้วย เราแค่ทำตามหน้าที่รักษาผลประโยชน์สหกรณ์ของเราเท่านั้น อยากให้หน่วยงานรัฐเห็นใจเราด้วย ถ้าคนทำความดีรักษาผลประโยชน์ให้กับสหกรณ์ ต่อสู่จนได้เงินค่าหุ้นของสมาชิกคืนมากกว่าสี่ล้านบาท ต้องมารับความไม่เป็นธรรมแบบนี้ต่อไปใครจะกล้าทำความดี ใครจะกล้าลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ฝากให้ทุกท่านช่วยกันคิดดู

จากใจชาวนาเกษตรอินทรีย์ : สมาชิกสหกรณ์เกษตรอินทรีย์กองทุนข้าวสุรินทร์ (๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒)