ช่วงนี้ทางโอชิเน สุรินทร์มีหอยเม่นมาเสริฟด้วย ก่อนจจะไปกินหอยเม่น หรือ อูนิ ให้อร่อยเรามารู้ที่มาที่ไปของ อาหารชนิดนี้ เพื่ออรรถรสของการทานหอยเม่นกันครับ
หนึ่งในเมนูที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างมีคุณภาพเน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบเป็นหลักเมนูเด็ดที่มีต้นกำเนิดมาจากแดนอาทิตย์อุทัยที่ต้องนึกถึงเลยนั่นคือ “ซูชิ”

ซูชิมีวิวัฒนาการมาหลายร้อยปีแล้ว ซึ่งเกิดจากความต้องการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่น แม้ประวัติการทำซูชิจะมี ในญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน จนคนเข้าใจว่าเป็นของดั้งเดิมของญี่ปุ่น แต่เมื่อนักประวัติศาสตร์ ของญี่ปุ่นสืบค้นหาที่มาของคำว่าซูชิก็พบว่า ญี่ปุ่นรับเอาวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร ประเภทปลาหมักกับข้าวมาจากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยและลาว การหมักปลามักทำกันแพร่หลายโดยเกษตกรที่อาศัยอยู่ริมฝั่งโขง ซึ่งในขณะเดียวกันก็ปลูกข้าว มีข้าวบริโภคกันอย่างอุดมสมบูรณ์ จึงคิดวิธีรับประทาน ข้าวกับปลาหมัก วัฒนธรรมการรับประทานแบบนี้เข้าสู่ญี่ปุ่นโดยผ่านประเทศจีน สมัยก่อนซูชิของญี่ปุ่นเป็นปลาหมัก มีเครื่องเคียงเป็นขิงดอง เนื่องจากขิงดองและ วาซาบิ มีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อโรคนั่นเอง

ซูชิในปัจจุบันนั้นมีการปรับเปลี่ยน รวมถึงการสร้างวิวัฒนาการเพื่อเป็นจุดเด่น มีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง ที่สำคัญหาทานได้ง่าย แถมรสชาติยังอร่อยถูกปากคนทุกเพศทุกวัย “ไข่หอยเม่น” หรือ “อูนิซูชิ” จึงเป็นอีกหนึ่งหน้าซูชิยอดฮิต ด้วยรสชาติที่หวานเบาๆชวนละมุนลิ้นแทบละลายในปากเวลารับประทานทำให้อูนิซูชิเป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดของเหล่าสาวกซูชิได้อย่างไม่ยาก แต่กว่าจะออกมาเป็นซูชิให้ได้รับประทานกันนั้น “ไข่หอยเม่น” หรือ “อูนิซูชิ” นี้มีวิธีการสังเกตคุณภาพ สรรพคุณและคัดสรรน้องหอยเม่นน้อยอย่างไรบ้างนะ
“อูนิ” ที่ดีให้สังเกตที่สี ต้องเป็นสีเหลืองทอง สดใส ไม่คล้ำ เนื้อยังเกาะกันแน่น เกาะเป็นเส้น ไม่เละ หรือมีน้ำออกมา (พูดง่ายๆลักษณะคล้ายลิ้นของแมว นั่นคือมีร่องตรงกลาง มีเม็ดสากๆ เล็กๆ อัดกันจนแน่น) ส่วนอูนิที่คุณภาพไม่ดี สีจะไม่ค่อยสดใส รสชาติบางครั้งจะออกไปทางขม
กล่าวกันว่าชาวญี่ปุ่นยกย่องอูนิให้เปรียบเหมือนกลิ่นของมหาสมุทร โดยประเทศที่มีการค้าหอยเม่น มีอยู่ราวๆ 20 กว่าประเทศ ประเทศที่จัดว่าส่งออกมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา รองลงมาได้แก่ เกาหลี และประเทศที่ติดทะเล ไม่ว่าจะเป็น นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น จีน แคนาดา ชิลี เม็กซิโก รัสเซีย เป็นต้น

ที่อูนิเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นเกิดจากความตื่นตัวของตลาดและความต้องการหาสินค้าที่ช่วยกระตุ้นเร้าอารมณ์ทางเพศ โดยในช่วงปี ค.ศ. 1970 มีความเชื่อกันว่าหากทานอูนิแล้วจะช่วยให้ปึ๋งปั๋ง เพราะแท้ที่จริงอูนิที่ทาน ประกอบไปด้วยส่วนของตัวไข่ จะรวมไปถึงอวัยวะสืบพันธุ์ (gonad) ของหอยเม่น คล้ายกับความเชื่อในการรับประทานอาหารประเภท aphrodisiac (อาหารที่ช่วยปลุกเซ็กซ์) อย่างเช่น หอยนางรมดิบ พริกขี้หนู กระเทียม ช็อกโกแล็ต นั่นเอง
อูนิที่นิยมรับประทานกัน มักมาจากหอยเม่นสีแดง (red sea urchin) เป็นหอยเม่นพันธุ์ที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับหอยเม่นพันธุ์สีดำ ,สีน้ำตาล ,สีม่วงหม่น ,สีแดงหม่น ,สีเขียวหม่น ที่มักจะถูกจับไปรับประทานน้อยกว่า

แต่ในแวดวงของการปรุงอาหารในหลายๆประเทศ อูนิมักถูกนำมาใช้เป็นตัว “เพิ่มรสชาติ” (flavour enchancer) ในอาหารมากกว่า อย่างเมนูอาหารฝรั่งเศสบางจาน ใช้อูนิเพื่อแต่งรสหอมๆ ให้แก่อาหารแทนการใช้มันกุ้ง อาจจะคนให้เข้ากับครีมซอสที่เตรียมไว้ แล้วราดลงบนปลาทอด หรืออาหารทะเล หรือจะใส่อูนิดิบๆ ลงไปผสมกับซุป เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติของซุปถ้วยนั้น
ไม่น่าเชื่อว่าแค่ไข่จากหอยเม่นใต้ท้องทะเลลึก จะมีสรรพคุณ แถมยังได้รสชาติอร่อยถูกปาก สามารถนำมาสร้างสรรเมนูเด็ดดังได้หลายอย่างเกินการเป็นหอยเม่นตัวจิ๋วในท้องทะเลลึกจริงๆ
ร้านอาหารญี่ปุ่นในสุรินทร์ ร้านโอชิเน สาขาสุรินทร์
รูปภาพ
อ้างอิง
http://maguro.co/tips-and-tricks/%E0%B9%8Amaguro-uni/
https://pantip.com/topic/30186711
http://campus.sanook.com/1388345/
https://th.wikipedia.org/wiki/