
สุรินทร์- เมืองช้างแล้งวิกฤตมีท่วมแล้ว อิทธิพลพายุโพดุลและคาจิกิ ทำฝนตกต่อเนื่องปริมาณน้ำสะสมไหลลงลำห้วยทะลักท่วมโรงเรียน อ.ท่าตูม ต้องประกาศปิดเรียนไม่มีกำหนด เผยสะพานถนนสายหลักสุรินทร์-ท่าตูม ถูกกัดเซาะพัง 2 จุดใหญ่ เร่งซ่อมแซมและจัด จนท.เฝ้าระวัง
วันนี้ (4 ก.ย. ) จากพายุดีเปรสชั่นคาจิกิ พัดเข้าอีสานเป็นระลอกที่ 2 ต่อจากพายุโซนร้อนโพดุล ทำให้จังหวัดสุรินทร์ มีฝนตกต่อเนื่องตลอดหลายวันจนถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำสะสมไหลลงคลองและลำห้วยต่างๆ เพิ่มขึ้น และเริ่มเอ่อเข้าท่วมไร่นาประชาชนและโรงเรียน ในที่อยู่พื้นที่ลุ่มต่ำติดกับลำห้วย บางโรงเรียนต้องสั่งปิดการเรียนแล้ว

โดยเฉพาะ ที่โรงเรียนบ้านทุ่งโก ต.หนองเมธี อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาการประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ติดกับลำห้วยลึก ที่ไหลลงไปสู่ลำห้วยระวี ก่อนลงไปยังแม่น้ำมูล จากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาหลายวัน ทำให้มีน้ำไหลลงสู่ลำห้วยลึกเป็นจำนวนมาก และเอ่อไหลเข้าท่วมอาคารเรียนและบริเวณโรงเรียนบ้านทุ่งโก สูงกว่า 50 เซนติเมตร (ซม.) ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ครูและชาวบ้านต่างเร่งเก็บอุปกรณ์การเรียนการสอนที่อยู่ชั้นล่างของอาคารเรียนขึ้นที่สูงอย่างเร่งด่วน แต่มี บางส่วนที่ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ทางโรงเรียนต้องประกาศปิดการเรียนอย่างไม่มีกำหนดแล้วขณะนี้
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน และคณะครู เนื่องจากปริมาณน้ำยังคงไหลท่วมสูงอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ทางคณะครู พร้อมด้วยทางอำเภอและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เร่งเข้าช่วยเหลือ พร้อมกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำในลำห้วยลึกออก เพื่อให้น้ำได้ระบายออกไปโดยเร็ว

โดยโรงเรียนบ้านทุ่งโก นับเป็นโรงเรียนแรกของจังหวัดสุรินทร์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจนต้องสั่งปิดการเรียนการสอน ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล- ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ป.6) มีนักเรียนทั้งหมด 89 คน ครู 10 คน นักการภารโรง 1 คน

นอกจากโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม สะพานระบายน้ำของถนนทางหลวงหมายเลข 214 ซึ่งเป็นถนนสายหลักจาก จ.สุรินทร์ไปยัง อ.ท่าตูม มุ่งสู่จ.ร้อยเอ็ด น้ำจากลำห้วยที่ไหลผ่านได้กัดเซาะดินข้างถนนและคอสะพาน ชำรุดถึง 2 จุด ทำให้ผิวถนนลาดยาง บริเวณไหล่ถนนบางจุดพังเสียหาย ช่วงระหว่าง อ.จอมพระไปยัง อ.ท่าตูม เจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน โดยจุดแรกบริเวณสะพานช่วงบ้านท่าศิลา ต.เมืองแก อ.ท่าตูม ระดับน้ำในลำห้วยสูงและไหลแรง และกัดเซาะขอบสะพาน เจ้าหน้าที่เร่งน้ำรถแบ็คโฮนำดินเข้ามาถมขอบสะพานเพื่อความแข็งแรงอย่างเร่งด่วน

ในขณะจุดที่ 2 ช่วงใกล้ทางเข้าหมู่บ้านหนองสิม ต.จอมพระ อ.จอมพระ ซึ่งเป็นสะพานและกำลังมีการก่อสร้างขยายเส้นทาง แรงน้ำจากลำห้วยที่ไหลผ่านมุ่งลงสู่ลำห้วยระวี กัดเซาะดินไหล่ทางทั้ง 2 ฝั่งพังลง ลึกเข้ามาถึงถนนลาดยาง เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังและหาแนวทางซ่อมแซมป้องกันโดยด่วนอยู่ขณะนี้ ซึ่งขณะนี้รถยังสามารถสัญจรผ่านได้ เจ้าหน้าที่ได้นำกรวยเข้ามากั้นให้รถวิ่งได้ 1 ช่องจราจรเท่านั้น ซึ่งหากผู้ที่สัญจรไปมาเส้นทางดังกล่าวควรเพิ่มความระมัดระวัง โดยมีเจ้าหน้าที่สลับกันมาเฝ้าระวังตลอดเวลา
จากอิทธิพายุทั้ง 2 ลูก ที่พัดเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้มีฝนตกลงโปรยปรายสลับแรงเป็นช่วงๆ กระจายทั่วพื้นที่จังหวัดฯ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำสะสมไหลลงตามลำห้วยต่างๆ จำนวนมาก และไหลลงไปยังแม่น้ำน้ำมูล และปริมาณน้ำเริ่มไหลเอ่อเข้าท่วมนาข้าวของประชาชนบางส่วนแล้ว ส่วนมากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำโดยเฉพาะพื้นที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ที่ติดกับแม่น้ำมูล ต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ส่วนปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลขณะนี้ยังคงเพิ่มไม่มากนักและมีพื้นที่รองรับน้ำได้อีกมาก
นายจักรกฤษณ์ ชิดนอก ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทุ่งโก กล่าวว่า น้ำจากลำห้วยได้ไหลเข้าท่วมโรงเรียนเมื่อช่วงเย็นวานนี้ และ ไหลเข้าท่วมตัวอาคารอย่างรวดเร็ว คณะครูและชาวบ้านต่างช่วยกันเก็บอุปกรณ์การเรียนที่อยู่ห้องชั้นล่างขึ้นที่สูง แต่ยังเหลือบางส่วน และน้ำท่วมสูงขึ้นต่อเนื่องวันนี้ได้ประกาศปิดการเรียนการสอน เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนและครู ซึ่งจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ไปจนกว่าน้ำจะลดลงจึงจะเปิดการเรียนการสอน

นายรองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเภอท่าตูม กล่าวว่า สถานการณ์น้ำโดยภาพรวมของ อ.ท่าตูม ตอนนี้มีโรงเรียนบ้านทุ่งโก ต.หนองเมธี ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่ลุ่มต่ำที่ถูกน้ำท่วม เบื้องต้นทางจิตอาสาในพื้นที่ได้ช่วยกันยกของขึ้นสู่ที่สูงเรียบร้อย ส่วนการระบายน้ำได้ให้ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงทางองค์การบริหารส่วนตำบลเร่งดำเนินการ ในส่วนของนาข้าวถูกน้ำท่วมตอนนี้ได้รับรายงานมาจากเทศบาลเมืองแก , อบต.หนองเมธี , อบต.บะ และหลายพื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายอยู่ สำหรับสะพานที่มีน้ำล้นคอสะพานนั้นตนได้เข้าไปตรวจดูแล้วกถือว่ายังอยู่ในระดับที่ยังปลอดภัยรถยนต์สามารถวิ่งสัญจรได้ ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำมูลได้มีการเฝ้าระวังติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิด แต่ถือว่ายังมีปริมาณน้ำน้อย