ยอมรับแล้ววิกฤตของจริง! “รมว.เกษตรฯ” ลุยตรวจภัยแล้งสุรินทร์ พบ 2 อ่างฯ ใหญ่แห้งสนิท นาข้าวสูญ 4.3 แสนไร่

Spread the love

สุรินทร์ – “เฉลิมชัย” รมว. เกษตรฯ ลุยตรวจปัญหาภัยแล้ง จ.สุรินทร์ เผยยอมรับวิกฤตภัยแล้งจริงๆ พบ 2 อ่างฯ ใหญ่แห้งสนิทไม่มีน้ำผลิตประปาเลี้ยงเมือง ต้องเร่งผันน้ำจากบ่อระเบิดหินเก่าเติมแก้ปัญหาด่วน ขณะนาข้าวหอมมะลิเหี่ยวแห้งตายคาดสูญกว่า 4.3 แสนไร่ เดือดร้อน 2 แสนครัวเรือน

วันนี้ (31 ก.ค.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้บริหาร ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจปัญหาภัยแล้งวิกฤตขาดแคลนทั้งน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคที่ จ.สุรินทร์ โดยเดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำลำพอก อ.ศีขรภูมิ บ่อระเบิดหินเขาพนมสวาย ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อผันน้ำส่งมายังอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่แห้งขอดเพื่อผลิตน้ำประปาสำหรับอุปโภคบริโภคในเขตเทศบาลเมือสุรินทร์ และรอบเมืองสุรินทร์ พร้อมประชุมหน่วยงานต่างๆ ที่โครงการชลประทานสุรินทร์ (ห้วยเสนง) ณ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำเพื่อแจกจ่ายน้ำแก่ประชาชนที่ประสบปัญหาขาดน้ำในพื้นที่ต่างๆ อยู่ขณะนี้

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวหอมมะลิในทุ่งกุลาร้องไห้ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากฝนทิ้งช่วงทำให้นาข้าวได้รับความเสียหายจำนวนมาก จึงต้องลงมาร่วมรับฟังและเน้นย้ำแนวทางแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ทั้งปัญหาน้ำที่มีไม่เพียงพอ การช่วยเหลือทางด้านผลผลิตทางการเกษตร และการสนับสนุนปัจจัยการผลิตในรอบเพาะปลูกถัดไปอย่างทันเหตุการณ์

ปัจจุบันการเพาะปลูกข้าวในจังหวัดสุรินทร์มีความเสี่ยง เนื่องจากปริมาณฝนตกค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ข้าวเหี่ยวเฉาไม่สมบูรณ์ คาดว่าจะมีพื้นที่เสียหาย 438,997 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 200,251 ครัวเรือน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มีแนวทางแก้ไขปัญหา คือ สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอได้ลงพื้นที่สร้างการรับรู้ให้เกษตรกรทราบถึงสาเหตุของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นที่ทำให้นาข้าวเสียหาย ประสานขอรับการสนับสนุนในพื้นที่ร้องขอเร่งด่วน ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเกษตรกร/ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร อธิบายหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฝนทิ้งช่วง โดยในพื้นที่ประสบภัยจะต้องมีปริมาณฝนตกไม่เกินวันละ 1 มิลลิเมตรติดต่อกันเกิน 15 วัน จึงจะรายงานสถานการณ์ภัยที่เกิดจากฝนทิ้งช่วง ตามขั้นตอนการเป็นพื้นที่ประกาศภัยฯ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดสุรินทร์ร่วมบูรณาการติดตามและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรม และทำความเข้าใจกับเกษตรกร

สำหรับจังหวัดสุรินทร์ ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ค. 62 มีปริมาณน้ำเก็บกักจากอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 26 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 346 แห่ง รวมกัน 66 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เป็นน้ำใช้การได้ 25 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกัน 1.067 ล้าน ลบ.ม. ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 0.806 ล้าย ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 4 ของความจุอ่าง และอ่างเก็บน้ำห้วยอำปึล ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำ 0.261 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 0.94

สาเหตุการเกิดภัยแล้งสืบเนื่องจากมีปริมาณฝนน้อยในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งมีปริมาณฝนตกเพียง 900 มม. ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ 17 แห่งมีเพียง 131 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 22 ของค่าเฉลี่ย จนถึงปัจจุบันมีปริมาณฝนสะสม 399 มม. มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ เพียง 13 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 2 ของค่าเฉลี่ย

กรมชลประทานได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือ โดยทำการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำอำปึล ปริมาณ 0.50 ล้าน ลบ.ม. พร้อมขุดร่องชักน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยเสนงเข้าสู่จุดสูบน้ำการประปาและสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำราชมงคลลงห้วยเสนง ปริมาณ 0.25 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งผันน้ำจากบ่อหิน ปริมาณ 20 ล้าน ลบ.ม. รวมปริมาณน้ำช่วยเหลือได้ 21 ล้าน ลบ.ม. ทั้ง 2 อ่างเป็นอ่างเก็บน้ำสำหรับผลิตน้ำประปาเลี้ยงอำเภอเมืองสุรินทร์ 

นอกจากนี้ยังประสานกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเพื่อเจาะน้ำบาดาลเติมน้ำสู่อ่างฯ รวมถึงจะขุดลอกแก้มลิงเกาะแก้วและป่าเวย อำเภอสำโรงทาบ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักของจังหวัดสุรินทร์อีกทางหนึ่งด้วย

แม้ว่าบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีปริมาณฝนเพิ่มแล้วก็ตาม แต่ขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด และขอความร่วมมือเกษตรกรงดทำการเพาะปลูกต่อเนื่อง หรือทำการเพาะปลูกตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียผลผลิตทางการเกษตร สำหรับพื้นที่ที่เพาะปลูกแล้ว ขอให้เกษตรกรในพื้นที่ใช้น้ำตามรอบเวรตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ใช้น้ำร่วมกันได้มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง

สำหรับที่อ่างเก็บน้ำห้วยเสนงนั้นต้องแก้ไข น้ำอุปโภคบริโภคยอมรับว่าวิกฤตจริงๆ ต้องใช้การผันน้ำจากบ่อหินเก่า ที่วนอุทยานพนมสวาย มายังอ่างเก็บน้ำห้วยเสนงเพื่อการอุปโภคบริโภค และยังได้ทำฝนหลวงควบคู่ไปด้วย และหากฝนตกลงมาในสัปดาห์นี้ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ไว้ก็จะสามารถบรรเทาปัญหาลงไปได้ ที่สำคัญอยู่ที่การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบให้สามารถใช้น้ำไปจนถึงเดือนเมษายน หน้า เพราะขณะนี้มีน้ำต้นทุนอยู่ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ถ้าเตรียมการจัดการให้ดีก็จะพอเพื่อการอุปโภคบริโภคผ่านแล้งไปได้ ซึ่งมันเป็นวิกฤตภัยแล้งจริงๆ

ส่วนแผนระยะยาว จะเพิ่มพื้นที่ในการกักเก็บน้ำ การขุดลอกอ่างเก็บน้ำ หรือทำแก้มลิงซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ในปีงบประมาณหน้า การเดินทางมาวันนี้มาเจอปัญหาภัยแล้งจริงๆ ดีกว่าการเห็นแต่ในภาพ ได้มารับฟังปัญหาเองจากหน่วยงานที่รับผิดชอบจะได้แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า

ในส่วนของต้นข้าวเสียหายจากภัยแล้ง เกษตรกรต้องการปลูกข้าวใหม่ ให้กรมการข้าวจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวช่วยเหลือเกษตรกร ส่วนที่มีแมลงศัตรูพืช กรมวิชาการเกษตรได้ให้เกษตรตำบล เกษตรอำเภอลงพื้นที่สำรวจความเสียหายพืชการเกษตรและแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เมื่อเกิดวิกฤตน้ำการเกษตรก็ต้องขอความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัด

“ขณะนี้มีการสำรวจความเสียหายด้านการเกษตรที่เกิดขึ้นแล้ว และให้จังหวัดแต่ละจังหวัดประกาศพื้นที่ภัยพิบัติภัยแล้งแล้ว ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณกลางเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้ภายใน 30-60 วัน เมื่อมีน้ำน้อย ต้องขอความร่วมมือเกษตรกรช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดและการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบก็จะบรรเทาปัญหาภัยแล้งลงไปได้ในระดับหนึ่ง” นายเฉลิมชัยกล่าวในตอนท้าย