เตือนหลายพื้นที่ฝนชุกหนักยาวถึงกันยา สั่งเฝ้าระวังน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม

Spread the love

“กรมทรัพยากรน้ำ” งัด 4 มาตรการ รับมือ “น้ำท่วม-ดินโคลนถล่ม” ช่วงฤดูฝน พร้อมเตรียมเครื่องมือ-อุปกรณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง คาดปีนี้ไม่รุนแรง ห่วงภัยแล้งกำลังมา 

นายเสน่ห์ สาธุธรรม รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยว่า ไทยได้ย่างเข้าสู่ฤดูฝนมาตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.2562 และจะตกอย่างต่อเนื่องไปจนถึงประมาณกลางเดือนต.ค. 2562 ยกเว้นภาคใต้ที่จะมีฝนต่อไปจนถึงกลางเดือน ม.ค. 2563 โดยกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนก.ค.จนถึงก.ย.จะเกิดฝนตกชุกหนาแน่นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ทำให้มีโอกาสเกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉบับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยกำหนด 4 มาตรการในการบริหารจัดการ ประกอบด้วย 1. เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเครื่องมือ เช่น เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ และรถเครน ให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง 2. การวิเคราะห์ คาดการณ์ และติดตามสถานการณ์สภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และแหล่งน้ำทั่วประเทศ 3. สั่งการให้สำนักงานระดับภาค 11 แห่งทั่วประเทศ ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบูรณาการในการกำหนดนโยบาย มาตรการ และแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการน้ำเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติในพื้นที่ และ 4. ประเมินผลเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เพื่อสรุปบทเรียนและปรับปรุงการเตรียมรับสถานการณ์ รวมทั้งเสนอแผนงานการแก้ปัญหาของปีต่อไป

ทั้งนี้สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 1-11 ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการติดตามและแก้ไขปัญหาภาวะน้ำท่วมส่วนหน้า เพื่อรับแจ้งเหตุ ติดตาม รายงานสถานการณ์ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับให้ความช่วยเหลือ โดยจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำ 311 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 32 คัน รถเครน 31 คัน ระบบกรองน้ำ 4 ชุดไว้เรียบร้อยแล้ว และยังได้กำชับการเตรียมพร้อมและการซักซ้อมระบบเตือนภัยของสถานีต่างๆ ในการเฝ้าระวังและรายงานข้อมูลตรงมายังส่วนกลาง เพื่อให้สามารถประเมินสถานการณ์ด้วยข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด

ขณะที่ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์นี้ได้ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ของกรมทรัพยากรน้ำ www.dwr.go.th หรือแอปพลิเคชัน EWS4THAI รวมทั้งโทร.สอบถามข้อมูลและแจ้งเหตุได้ที่สายด่วน 1310 กด 5 

ส่วนสถานการณ์น้ำจนถึงต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศรวมกันประมาณ 3.5 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็นประมาณ 50% ของความจุเขื่อนทั้งหมด แต่เป็นปริมาณน้ำที่ใช้ได้เพียง 1.1 หมื่นล้าน ลบ.ม. หรือ 25% ของความจุเขื่อน ทำให้ยังสามารถรองรับน้ำได้ในอีกปริมาณมาก ขณะที่คาดการณ์เกี่ยวกับลมมรสุม เบื้องต้นคาดว่าปีนี้น่าจะเข้ามาเพียง 1 ลูก จึงทำให้ปัญหาน้ำท่วมรุนแรงในปีนี้ยังอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างน่ากังวลน้อยกว่าปีอื่น ๆ แต่ห่วงเรื่องสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึง เบื้องต้นได้มีการวางแผนสำรองเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ

“ขอให้ประชาชนมั่นใจได้กับการเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม หรือภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้น โดยทุกหน่วยงานจะมีการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดและไม่ประมาท เพื่อป้องกันเหตุและให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด”

นอกจากนี้ได้เร่งขับเคลื่อนภารกิจในโครงการพระราชดำริ โดยสนับสนุนสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำ และสนับสนุนโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงในพื้นที่ต่างๆ เช่น โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำห้วยเขย่ง จ.กาญจนบุรี, โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำโครงการขยายผลวาวี บ้านปางกลาง ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย, โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำโครงการขยายผลโครงการหลวงสบเมย บ้านห้วยน้ำใส ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยตอง บ้านห้วยตอง ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เป็นต้น.

ที่มา : ไทยรัฐ