ผู้ป่วยโรคผิวหนังเน่าใน จ.พิษณุโลก ยอมรับว่ายึดอาชีพฉีดพ่นยาฆ่าแมลงมานานกว่า 5 ปี โดยไม่มีเครื่องป้องกัน ทำให้อาการป่วยรุนแรงมีแผลทั่วร่างกาย ซึ่งล่าสุดได้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช แพทย์วินิจฉัยโรคและวางแผนในการรักษาระยะยาว

วันนี้ (18 มิ.ย.2562) กรณีที่นายวิโรจน์ รุ่งเจ็ก อายุ 51 ปี ชาวบ้านที่ป่วยมีแผลพุพองทั่วร่างกาย ซึ่งป่วยเป็นโรคผิวหนังเน่า ถูกนำตัวจากโรงพยาบาลวังทอง จ.พิษณุโลก ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราช เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลรักษา หลังป่วยมานานกว่า 2 ปี ล่าสุดมีแผลเกือบทั้งตัว
นายวิโรจน์ บอกว่า ยึดอาชีพรับจ้างฉีดยาฆ่าแมลง แบบรายวันมานานกว่า 5 ปี ได้ค่าจ้างวันละ 250-300 บาท สำหรับยาที่ฉีดเจ้าของไร่จะเป็นผู้ซื้อมาให้หลายชนิดทั้งไกลโฟเซต พาราควอต และอีกหลายยี่ห้อ โดยไม่มีเครื่องป้องกันตัว เนื่องจากชุดมีราคาแพง ก่อนที่จะเริ่มป่วยเดือนพ.ค.2561 และแผลลุกลามไปทั่วร่างกายจนถูกส่งเข้ารักษาตัวเข้าโรงพยาบาล
นางสมคิด รุ่งเจ็ก น้องสาวของนายวิโรจน์ บอกว่านายวิโรจน์ ถือเป็นเสาหลักในการหารายได้เลี้ยงครอบครัว หลังล้มป่วยภรรยาและญาติต้องคอยดูแลทำให้เดือดร้อน เพราะมีลูกที่ต้องเลี้ยงดูอีกหลายคน
ขณะนี้โรงพยาบาลได้จัดทีมแพทย์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นแพทย์สั่งให้อาหารทางสายยาง และรักษาตามอาหาร คาดว่าภายใน 1-2 วันจะสามารถวิเคราะห์อาการและวางแนวทางในการรักษาระยะยาวได้

กลุ่มผู้รับจ้างฉีดพ่นสารเคมีรู้พิษภัยแต่ทำเพื่อรายได้
ไทยพีบีเอส สัมภาษณ์กลุ่มผู้รับจ้างฉีดยาฆ่าแมลงในพื้นที่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งเริ่มหารือเกี่ยวกับการป้องกันตัวเอง หลังเพื่อนร่วมอาชีพ ป่วยมีแผลพุพองทั่วร่างกาย เป็นโรคผิวหนังเน่า ถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งมีผลพวงจากสารเคมีสะสมในร่างกาย
หลายคนยอมรับว่ารู้ถึงพิษภัยและความเสี่ยง แต่ก็ต้องทำเพื่อเลี้ยงครอบครัวได้รับเงินวันละ 250-300 บาท และช่วยเหลือเพื่อนเกษตรกรด้วยกันเอง ส่วนยาเจ้าของไร่จัดให้ บางคนเคยป่วยแต่ก็ต้องกลับมาทำและต้องป้องกันตัวเองให้มากขึ้น
นายประดิษฐ์ พูนทวีผู้รับจ้างฉีดยาฆ่าแมลง ยอมรับว่า เมื่อก่อนไม่ค่อยป้องกันตัวเอง พอเริ่มจะป่วย ไปหาหมอ แนะนำว่าให้ปิดหน้า ใส่หน้ากาก ใส่ถุงมือ ปิดจมูกไม่ให้โดนผิวหนัง

ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากการใช้สารเคมียาฆ่าแมลง และยาฆ่าหญ้าไปแล้วหลายคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่ป้องกันตัวเอง ดังนั้นจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยข้องเข้ามาให้ความรู้ให้มากขึ้น รวมถึงยกเลิกการนำเข้า พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ซึ่งเป็นสารอันตราย
เช่นเดียวกับ นางสุภา สมหนองว้าชาวอำเภอวังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า เคยมีคนฉีดยาที่ใช้ยา แล้วมือเปื้นยา แต่มาสูบยาแล้วเล็บเขียวทันที ไม่ทันไปถึงโรงพยาบาลก็ตาย
“ถ้าฉีดสารเคมีแล้วมาสูบบุหรี่ทันที ห้ามเด็ดขาด เพราะมันจะเข้าปอดทันที สองคนแล้วที่เสียชีวิต ”
ล่าสุดหลังนายวิโรจน์ ล้มป่วยด้วยโรคผิวหนังเน่า ทำให้กลุ่มชาวบ้านในอำเภอวังทองจังหวัดพิษณุโลก ตื่นตัวมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่บอกว่ายังมีความจำเป็นใช้สารเคมี ในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช แต่จะระวังตัวและป้องกันให้มากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจ คนเปื้อนสาร (พิษ) จนเสียขา
คนป่วย “เนื้อเน่า” พุ่ง สารเคมีปัจจัยเสี่ยง?
แบคทีเรียต้นตอ “เนื้อเน่า” ก่อนเข้ากระแสเลือดถึงตาย
ที่มา : ThaiPBS